วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ใครอยากมีธุรกิจส่วนตัว? ธุรกิจ 7 ชนิดที่เงินทุนไม่ใช่ปัญหา



ธุรกิจส่วนตัวเป็นความฝันของใครหลายๆคน Laura Cattano ผู้ที่ได้ลาออกจากงานประจำที่ร้านอาหาร และได้เริ่มลงมือสร้างธุรกิจส่วนตัวขึ้น ในตอนนั้นเธอแทบไม่มีเงินลงทุนเลยด้วยซ้ำ มีแต่ความมุ่งมั่นและความเชื่อว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ
ในระยะแรก เธอไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย เธอลงทุนไปกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ $400 เท่านั้นเอง แต่ในปัจจุบันเธอประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีลูกค้านับพันที่สนใจในสินค้าของเธอ และชื่อของเธอยังถูกตีพิมพ์ใน magazine หลายเล่ม
“คำแนะนำของฉันก็คือ การเริ่มลงมือทำ เริ่มทำธุรกิจมันไม่ง่ายเลย มีงานยากเต็มไปหมด แต่ถ้าคุณทำงานนั้นอย่างจริงจัง ผู้คนจะสังเกตเห็น” – LAURA CATTANO
ถ้าคุณอยากเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ก่อนอื่นคุณจะต้องรู้ก่อนว่าคุณชำนาญด้านไหน ถามตัวเองว่า “เรามีความชอบหรือหลงใหลอะไร?” แต่ไม่ใช่ว่าธุรกิจทุกชนิดจะประสบความสำเร็จหมด คุณจะต้องลองทำมันก่อนคุณถึงจะรู้ ผมได้ยกตัวอย่าง 7 ธุรกิจที่เงินทุนไม่ใช่ปัญหา ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง?

ติวเตอร์

ถ้าคุณมีความรู้ในวิชาต่างๆ หรือมีความชำนาญเฉพาะในด้านใดด้านนึง ลองนำไปสอนคนอื่นดูสิ รายได้ของติวเตอร์นั้นไม่น้อยเลย คุณอาจจะเริ่มต้นที่สอนชั่วโมงละ 300 บาท หรือ 500 บาท ขึ้นอยู่กับความชำนาญและสิ่งที่คุณมอบให้ผู้เรียน หลังจากที่คุณมีประสบการณ์แล้ว คุณก็สามารถเปิดโรงเรียนสอนพิเศษได้

นักแปลภาษา

ในตอนนี้คนที่สามารถพูดได้หลายภาษานั้นกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะบริษัทต่างๆก็ให้ความสนใจกับการทำธุรกิจกับต่างชาติ ช่วงแรกคุณอาจจะรับงานแปลเอกสาร หรือ เป็นล่ามให้กับบริษัทต่างๆ พอคุณมีประสบการณ์และมีเงินทุนกับเครือข่ายที่มากพอ คุณก็สามารถเป็นบริษัทรับแปลเอกสาร หรือ บริษัทจัดหาล่ามได้

ช่างภาพ

ช่างภาพ
หากคุณชอบถ่ายรูปและมีกล้องดีๆอยู่แล้ว ลองนำมันออกมาหารายได้ดูสิ ทุกวันนี้ช่างภาพกำลังเป็นที่ต้องการสำหรับงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นรับปริญญา งานแต่งงาน จนกระทั่งงานบวช เป็นช่างกล้องฟรีแลนซ์รายได้ไม่น้อยเลย แถมคุณยังได้ทำสิ่งที่คุณชอบอีกต่างหาก จงหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอ ว่าเราเก่งกว่าช่างภาพคนอื่นยังไง? และเรียนรู้วิธีการเอาใจลูกค้า วิธีการบริการ Service mind

ช่างแต่งหน้า

แต่งหน้า
ถ้าคุณมีความชำนาญในด้านการแต่งหน้าและทำผม คุณก็สามารถหารายได้พิเศษนอกเหนือจากงานประจำของคุณ ลองรับแต่งหน้านอกสถานที่ หรือเปิดคลอสสอนแต่งหน้าทำผมดู อาจจะสอนบน Youtube หรือสอนบน Social media ต่างๆ ถ้าคุณมีความสามารถในด้านนี้จริง ลูกค้าไม่หนีไปไหนแน่

กราฟฟิกดีไซน์เนอร์

ธุรกิจรายได้เสริม
ตอนนี้การทำงานทางด้านกราฟฟิกค่อนข้างง่ายขึ้นเพราะว่ามีอุปกรณ์หรือตัวช่วยต่างๆที่สามารถทำให้คุณออกแบบงานได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณมีจินตนาการก็พอคุณก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่สุดยอดออกมาได้ หรือถ้าใครไม่มีความรู้ด้านนี้มาก่อนเลย คุณสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ในปัจจุบันมีคลอสสอนมากมายบนอินเตอร์เน็ต มีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี

รับจัดงานอีเวนต์

การจัดงานต่างๆต้องมีการวางแผนไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานวันเกิด งานครบรอบ หรือแม้กระทั่งงานเลี้ยงรุ่น มีงานมากมายที่รอการวางแผนและการจัดการ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณคิดว่าคุณมีความสามารถ คุณชอบการวางแผนและความสมบูรณ์แบบ คุณก็สามารถลงมือได้เลย งานจัดอีเวนต์นั้นค่อนข้างทำรายได้ดีทีเดียว

เทรนเนอร์ส่วนตัว

ออกกำลังกาย
ถ้าคุณรักในการออกกกำลังกายและมีเวลาว่างคุณก็สามารถเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวได้เพราะทุกวันนี้คนหันมาใส่ใจการออกกำลังกายกันมากขึ้น นี่ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนชอบออกกำลังกาย

ปล.ถ้าคุณคิดจะเริ่มทำธุรกิจอะไรอย่างจริงจัง ผมแนะนำให้คุณลองศึกษาประกันภัยสำหรับธุรกิจเอาไว้ด้วย มันสามารถช่วยลดความเสี่ยงให้คุณได้

ธุรกิจรายได้เสริม 6 ชนิด ที่คุณสามารถทำได้หลังเลิกงาน


หากคุณต้องการมี ธุรกิจรายได้เสริม เป็นของตัวเองแต่คุณยังมัวยุ่งอยู่กับงานประจำของคุณ บทความนี้จะช่วยแนะนำ 6 ธุรกิจง่ายๆที่คุณสามารถทำได้เมื่อคุณมีเวลาว่างหรือหลังเลิกงานประจำของคุณ

ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร

ธุรกิจรายได้เสริม
วิธีหารายได้ง่ายๆก็คือทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารเพราะว่าอาหารเป็นสินค้าที่เติมเต็มความต้องการและยังเป็น 1 ในปัจจัย 4 สิ่งสำคัญของมนุษย์ ถ้าหากคุณชอบทำอาหารและมีครัวด้วยแล้วละก็ คุณมาได้ครึ่งทางแล้ว หาอาหารที่คุณถนัดแล้วเริ่มลงมือเลย

ขายความรู้

ธุรกิจรายได้เสริม
นำความรู้ ความสามารถของคุณ มาเขียนเป็นหนังสือ e-book หรือว่าทำเป็นคอร์สออนไลน์ สำหรับลูกค้าที่กำลังสนใจเรียนรู้ในสิ่งนั้น ถ้าคุณมีความรู้และมีกลุ่มเป้าหมายมันจะสามารถทำกำไรได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะว่าคุณไม่จำเป็นต้องสอนใหม่ซ้ำๆ เพียงแค่คุณเขียน หรือ บันทึกวิดีโอ การสอนเพียงครั้งเดียวคุณก็สามารถขายมันให้กับลูกค้าที่สนใจจะเรียนได้อย่างไม่จำกัด

โซเชียลมีเดีย

ธุรกิจรายได้เสริม
ถ้าหากคุณเป็นคนที่ติดโซเชียลมีเดียอยู่แล้วนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเปลี่ยนมันมาเป็นรายได้ของคุณ โดยการทำเพจเพื่อลงโฆษณา จนถึงการขายของออนไลน์ ธุรกิจนี้เป็นงานที่ง่ายสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา และส่วนที่น่าสนใจก็คือหากคุณมีหลากหลายธุรกิจ หลากหลายแอคเคาท์ ก็มีตัวช่วยต่าง ๆ ที่สามารถจัดการให้การทำงานด้านโซเชียลมีเดียของคุณง่ายขึ้น อย่างเช่น  hootsuite ที่จะสามารถจัดการเพจต่างๆของคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องเปิดไปเปิดมา

เขียนบล็อก

ธุรกิจรายได้เสริม
การเขียนบล็อกเป็นการสร้างรายได้ที่ง่ายมากหากคุณชอบที่จะสร้างสรรค์คอนเทนต์ต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร ศิลปะ การ์ตูน เครื่องสำอาง หรือ เขียนรีวิวสินค้าต่าง ๆ งานอดิเรกนี้จะสร้างรายได้ให้คุณจากสปอนเซอร์ที่ชอบบล็อกของคุณ

งานกราฟฟิกดีไซน์

ธุรกิจรายได้เสริม
งานนี้ถึงแม้คุณจะไม่มีความรู้หรือไม่เคยเรียนมาก่อนก็ไม่สำคัญ เพราะว่างานนี้สามารถฝึกฝนทักษะเองได้จากสื่อการเรียนการสอนต่างๆ และมีตัวช่วยมากมายให้คุณสามารถออกแบบงานให้ดูสวยเช่น โปรแกรมจากตระกูล Adobe หรือเว็บไซต์ canvas ที่คุณต้องการก็แค่ ความคิดสร้างสรรค์ ความชอบ และมั่นฝึกฝน

พัฒนาแอปพลิเคชัน

application-dev
ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะดูเหมือนมีแอปฯในตลาดแทบจะทุกประเภทแล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีมีการเติบโตกันทุกปี การฝึกเขียนแอปฯอาจจะต้องใช้เวลาศึกษาสักหน่อยแต่ถ้าหากคุณเริ่มเข้าใจมัน คุณก็สามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และทำรายได้พิเศษให้ตัวคุณได้

อยากเริ่มทำธุรกิจ(Startup) แต่ไม่รู้จะหาเงินลงทุนมาจากไหน?

อยากเริ่มทำธุรกิจ(Startup) แต่ไม่รู้จะหาเงินลงทุนมาจากไหน?


ไม่ว่าใครก็สามารถมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้ คุณแค่สร้างเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คแฟนเพจขึ้นมาก็กลายเป็นธุรกิจๆนึงไปแล้ว แต่อะไรล่ะ? ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัทของคุณจะอยู่รอดเป็นเวลา 6 เดือน 12 เดือน หรือยาวนานหลายสินปี แน่นอนว่ามันมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการขาย(Sales)อย่างเดียวแน่ ยังมีปัจจัยตัวอื่นๆ เช่น เงินลงทุน พนักงานบริษัท การความคุมดูแล และอีกเยอะแยะมากมาย
ถ้าคุณได้ตัดสินใจที่จะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว แสดงว่าคุณเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ เช่น คุณต้องออกจากงานประจำ คุณจะไม่มีรายได้ในช่วงแรก ฯลฯ
แต่มันก็มีอุปสรรคอย่างหนึ่งที่หยุดคุณไม่ให้คุณเริ่มทำธุรกิจของตัวเองนั้นก็คือ “คุณไม่มีเงินมากพอ”
ดูเหมือนว่าการขาดเงินลงทุนจะเป็นปัญหาใหญ่เลยสำหรับเหล่าผู้ประกอบการ หรือ ว่าที่ผู้ประกอบการ แต่อุปสรรคแค่นี้มันไม่ควรหยุดคุณจากความสำเร็จ เพราะในความจริงแล้ว มันยังมีอีกหลายวิธีในการระดมทุนสร้างธุรกิจในฝัน

ทำไมธุรกิจถึงต้องการเงิน?

การเริ่มธุรกิจมันไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมัครหรือค่าธรรมเนียมอะไรทั้งนั้น ธุรกิจที่แตกต่างกันก็จะมีความต้องการที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้นการประมาณค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของธุรกิจก่อนที่คุณจะเริ่มหากองทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  • ใบอนุญาต และการขออนุญาต (Licenses and permit) ขึ้นอยู่กับธุรกิจและพื้นที่ตั้งของคุณ คุณอาจจำเป็นต้องขอเอกสารพิเศษ หรือ การจดทะเบียนในการดำเนินการอะไรต่างๆ ที่เสียค่าใช้จ่ายสูง
  • ผู้ผลิตและจำหน่าย (Supplier) คุณจำเป็นต้องซื้อวัตถุดิบหรือไม่ คุณต้องการคอมพิวเตอร์และหรืออุปกรณ์อีเล็กโทรนิคอื่นๆหรือไม่
  • อุปกรณ์และเครื่องมือ (Equipment) คุณต้องการเครื่องจักรหรือซอฟต์แวร์เฉพาะหรือไม่
  • พื้นที่สำนักงาน (Office space) ออฟฟิตเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าเช่าที่ ค่าไฟ ค่าน้ำ และคุณไม่สามารถละเลยค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าอินเตอร์เน็ต และสาธารณูปโภคต่างๆ
  • สมาคม สมาชิก (Association, Subscription, Membership) คุณเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของคุณที่ไหน และคุณต้องจ่ายค่าสมาชิกทุกเดือนหรือไม่
  • ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย (Legal fee) คุณปรึกษาทนายหรือที่ปรึกษาตลอดจนกระบวนการพัฒนาธุรกิจของคุณหรือไม่
  • พนักงานและผู้รับเหมา (Employee and contractor) ถ้าคุณไม่สามารถทำมันได้คนเดียว คุณต้องการผู้ช่วย คุณก็ต้องมีค่าจ้าง
พูดง่ายๆก็คือ เราต้องรู้ก่อนว่าธุรกิจที่เราจะเริ่มจำเป็นต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ เราถึงค่อยไปหาเงินมาตามจำนวนที่เราต้องการได้ ต่อไปคือ 3 ทางเลือกหลักในการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนจำนวนน้อย

ทางเลือกที่ 1 : ลดความต้องการของคุณ (Reduce your need)

ทางเลือกแรกของคุณ คือการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้มีความต้องการน้อยที่สุด รวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังวางแผนที่จะเปิดบริษัทผู้ช่วยฝึกสอนส่วนบุคคล (personal trainers) คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายพนักงานของคุณโดยคุณทำหน้าที่เป็นพนักงานเพียงคนเดียวในช่วงเริ่มต้น ถ้าคุณต้องการพื้นที่สำนักงาน คุณสามารถทำงานที่บ้านได้ ถ้าคุณต้องการลดค่าใช้จ่าย คุณยังสามารถหาผู้ผลิตและจำหน่ายที่มีราคาถูกที่สุด หรือตัดไลน์การผลิตที่มีราคาแพงเกินไปสำหรับการผลิตในช่วงเริ่มต้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่คุณก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย

ทางเลือกที่ 2 : ใช้เงินส่วนตัวและรายได้ในช่วงแรก (Bootstrap)

ทางเลือกที่สองคือ Bootstrapping การหาเงินมาใช้ในบริษัทด้วยเงินส่วนตัวของเราเอง ผสมกับรายได้ในช่วงแรกๆ ของคุณ แทนที่จะมุ่งตรงเข้าสู่ธุรกิจเต็มรูปแบบ เริ่มต้นคุณอาจจะเปิดบล็อกและการบริการเฉพาะกลุ่ม ลดขอบเขต ถ้าคุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเป็นพนักงานเพียงคนเดียวด้วยตัวคุณเองยิ่งช่วยประหยัดได้เข้าไปใหญ่ และเมื่อคุณเริ่มมีรายได้เกิดขึ้น คุณสามารถลงทุนด้วยตัวเอง และสร้างธุรกิจที่คุณจินตนาการเป็นส่วนเป็นส่วนแทนที่จะทำทั้งหมดในครั้งเดียว

ทางเลือกที่ 3 : ขอผู้สนับสนุน (Outsource)

ทางเลือกที่สาม คือการได้ระดมเงินทุนจากแหล่งภายนอก ในปัจจุบันมีผู้ลงทุนให้กับบริษัทเปิดใหม่ครอบคลุมอยู่ทั่วโลก มีหลายสิบวิธีที่มีศักยภาพในการระดมทุน และนี่เป็นเพียงไม่กี่แหล่งเงินทุนที่มีศักยภาพที่ผมได้ยกมาให้
  • เพื่อนและครอบครัว (Friend and Family) ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม Startup ส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ล้วนแล้วได้การสนับสนุนมาจากครอบครัวและเพื่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเรื่องเงิน หรือ resources ต่างๆ
  • นักลงทุนรายบุคคล (Angel investor) นักลงทุนรายบุคคล เป็นบุคคลที่ร่ำรวยอยู่แล้ว พร้อมจะสนับสนุนไอเดียธุรกิจของผู้ประกอบการไฟแรงในช่วงต้นของการเริ่มธุรกิจ จุดประสงค์หลักของพวกเขาก็คือการจะเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจของเรา หรือเข้ามามีหุ้นส่วนนั้นเอง
  • นักลงทุนระดับองค์กร (Venture capitalists) นักลงทุนระดับองค์กรจะคล้ายๆกับนักลงทุนรายบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีการร่วมมือหรือเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและมีมุมมองด้านธุรกิจอยู่แล้ว
  • การระดมทุนสาธารณะ (Crowdfunding) ในปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมายที่ช่วยเราระดมทุนในการเริ่มทำธุรกิจขอแค่เพียงคุณมีไอเดียเจ๋งๆ ผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาเห็นจากเว็บไซต์เหล่านี้ก็จะร่วมลงทุนไปกับคุณ KickstarterIndigogoGofundme
  • เงินอุดหนุนจากรัฐบาลและเงินกู้ (Government grant and loan) สถาบันบริหารธุรกิจขนาดเล็ก มีอยู่เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโต ให้ข้อเสนอสินเชื่อและเงินช่วยจำนวนมากที่จะช่วยเริ่มต้นธุรกิจของคุณ
  • เงินกู้จากธนาคาร (Bank loan) คุณสามารถเปิดวงเงินสินเชื่อกับธนาคารได้ตลอดเวลา ถ้าคุณมีสถานะทางการเงินที่ดี
ทั้งสามทางเลือกนี้ คุณอาจต้องเสียสละบางอย่าง เช่น การเริ่มต้นแบบเล็กๆ การมีหุ้นส่วน หรือการมีหนี้สิน แต่ถ้าคุณเชื่อในไอเดียธุรกิจของคุณว่ามันเวิคแน่นอนไม่มีทางล้มแน่ คุณควรยืดหยัดต่อสู้ตามความฝันคุณต่อไป เงินทุนถือเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับหลายบริษัท จงเข้าใจมันและก็เอาชนะมันให้ได้

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

6 พฤติกรรมที่จะส่งผลทำให้ธุรกิจไม่เติบโต ซ้ำร้ายอาจเจ๊งไม่เป็นท่า


6 พฤติกรรมที่จะส่งผลทำให้ธุรกิจไม่เติบโต ซ้ำร้ายอาจเจ๊งไม่เป็นท่หลายท่านเกิดมาพร้อมกับกิจการที่รุ่นพ่อแม่หรือรุ่นปู่ย่าตายายสร้างมาไว้ให้ และอีกหลายคนที่เกิดมาพร้อมกับความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจของตัวเองให้ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างเช่นในอดีตที่ผ่าน มีไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีมากที่ต้องเจ๊งปิดกิจการกันไป

นี่คือ 6 พฤติกรรมที่จะเป็นต้นเหตุให้ธุรกิจเดินถอยหลังเข้าสู่อาการ “เจ๊ง” ซึ่งหากเกิด 6 พฤติกรรมนี้ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็หมดสิทธิ์ประสบความสำเร็จแน่นอน และที่สำคัญกว่า 6 พฤติกรรมนี้คือ การรู้จักใช้จ่ายไม่เกินไปกว่าที่หามาได้หรือตามแนวทาง “พอเพียง”
1. เชื่อมั่นสูงแต่ไม่รอบคอบ ธุรกิจพังแน่
สำหรับคนที่จะลงทุนทำธุรกิจ แน่นอนว่าคงต้องมีแผนอยู่ในใจกัยทุกคนรวมถึงเป้าหมายที่จะไป ซึ่งความเชื่อมั่นเป็นสิ่งดี แต่บางครั้งการเชื่อมั่นตัวเองสูงเกินไปก็อาจจะทำให้ความรอบคอบลดลงไปด้วย ซึ่งในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงสูงและเร็วมาก ฉะนั้นการวางแผนใดๆ ต้องมีความรอบคอบอย่างมาก ว่าต้องไม่มีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นมาได้
2. อย่าไปเชื่อเรื่องรวยเร็วเพราะมันโม้
ถ้าไปเดินตามแผงหนังสือจะเห็นเลยว่า มีหนังสือมากมายที่นำเสนอการทำธูรกิจให้รวยเร็ว ลงทุนอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนมหาศาลอย่างรวดเร็ว ซึ่งทฤษฎีในหนังสือเหล่านั้นอาจเป็นจริง แต่อย่าลืมว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงสูงและเร็วมาก หากไปมองดูคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “เศรษฐี” จะรู้เลยว่าการประสบความสำเร็จต้องใช้ระยะเวลา ต้องผ่านความล้มเหลวและอุปสรรคมาก่อน
3. หวังผลกำไรสูง แต่ลืมดูต้นทุน
เป็นเรื่องปกติที่คนทำธุรกิจจะหวังผลกำไร ยิ่งถ้ามีกำไรสูงๆ เกิน 100% ต่อหน่วยก็จะยิ่งดี แต่ผู้ประกอบการหลายคนก็ถูกผลกำไรที่ใฝ่ฝันบังตาเอาไว้ เพราะอย่าลืมว่าการจะได้กำไรสูงๆ ก็ต้องมีการลงทุนที่สูงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ บุคลากร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศํพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าขนส่ง ค่าเช่า ค่าอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงต้นทุนแฝงอีกมากมาย ซึ่งหากนำต้นทุนเหล่านี้มาหักจากกำไรก็จะเห็นว่าไม่ได้มากมายเท่าไหร่ บางรายอาจถึงขั้นขาดทุนด้วยซ้ำ
4. ตัวแปรที่มองไม่เห็นและคาดไม่ถึง
อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าการวางแผนต้องวางแผนอย่างรอบคอบและรัดกุม เพราะจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตัวแปรที่มองไม่เห็นมีอะไรบ้าง ทั้งที่บางครั้งอาจจะวางแผนมาอย่างดี เช่น คู่แข่งที่จู่ๆ ก็กระโดดเข้าสู่ตลาด แถมยังมีศักยภาพสูง หรือเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นมา ซึ่งอาจจะส่งผลดีต่อธุรกิจและในทางกลับกันอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ รวมไปถึงปัจจัยที่คาดไม่ถึงแต่ภัยธรรมชาติ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งควรจะมีแผนรองรับหรือแผนฉุกเฉินไว้คอยรับมือตลอดเวลา
5. เห็นกำไรก้อนโตจนโลภ เดี๋ยวจะร่วง
หลายคนที่อาจกล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จในธุรกิจจนสามารถหารายได้และสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างมากมาย จนรู้สึกว่าอยากได้มากกว่านี้ แน่นอนว่าการเพิ่มราคาอาจเป็นวิธีที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น แต่จะกลายเป็นแค่กำไรชั่วคราวเพราะสินค้าจะแพงกว่าตลาดทันที บางคนคงราคาเดิมไว้แต่ใช้วิธีลดต้นทุนเพื่อให้มีกำไรมากขึ้น ยิ่งเป็นการผลักธุรกิจของตัวเองเข้าสู่ปากเหว เพราะนั่นจะทำให้สินค้าไม่มีความคุ้มค่ากับราคา หนักกว่านั้นคือการไม่ทำอะไรรอรับผลกำไรเพียงอย่างเดียว ทางที่ดีควรนำไปลงทุนในสิ่งใหม่เพื่อให้ได้ผลกำไรจากทางอื่นเพิ่มจะดีกว่า
6. ปีกกล้าขาแข็งจะบินแล้ว แต่อาจไปไม่รอด
อย่างที่บอกไว้แล้วว่า หลายคนอาจทำธุรกิจประสบความสำเร็จแล้ว เห็นเงินก้อนโตที่ถืออยู่ในมือ นำไปลงทุนในสิ่งใหม่เพื่อให้ได้ผลกำไรจากทางอื่นเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการมักจะใช้วิธีกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนในพันธบัตร ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือแม้แต่การลงทุนกับกลุ่มสตาร์ทอัพ แต่นั่นอาจเป็นช่องทางไปสู่หายนะ ซึ่งเป็นเป็นเรื่องถูกต้องที่คิดเช่นนั้น แต่ก่อนที่จะไปเช่นควรจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจของตัวเองก่อน เพื่อให้สามารถสร้างผลกำไรและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ก่อนที่จะไปลงทุนในสิ่งใหม่หรือกระจายความเสี่ยง
Source : Entrepreneur

เป็นหนี้ท่วมหัวฟังทางนี้ เรามี วิธีปลดหนี้ มาฝาก

เป็นหนี้ท่วมหัวฟังทางนี้ เรามี วิธีปลดหนี้ มาฝา

ถ้าคุณมีหนี้สิน ไม่มีเงินเก็บ เงินไม่เคยพอใช้ จ่ายหนี้ขั้นต่ำทีไรก็หมดกระเป๋าแล้ว คุณเป็นคนที่เรียกได้ว่ากำลังมีหนี้ท่วมหัว ก่อนอื่น เราขอให้คุณตั้งสติ และต้องมีความตั้งใจจริงหากคุณอยากหลุดพ้นจากสภาวะนี้ เพราะ วิธีปลดหนี้ ที่ MoneyGuru.co.th กำลังจะแนะนำต่อไปนี้ อาจจะมีหลายอย่างที่คุณจะต้องฝืนใจทำ
1. เมื่อคุณมีหนี้สินท่วมหัว สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ทำใจยอมรับความจริง ยิ้มสู้กับมัน และอย่างที่เราบอกไว้ตั้งแต่ต้น คุณต้องมีความตั้งใจจริง สิ่งต่อมาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือ หยุดสร้างหนี้เพิ่ม เลิกใช้บัตรเครดิตทุกใบที่มี เก็บเอาไว้ที่บ้านเลย หรือถ้าใจเด็ดอยากหักดิบจริง ๆ ตัดบัตรทิ้งไปให้หมดเลยค่ะ และหากเจ้าหนี้ที่ธนาคารโทรมาทวงหนี้ ห้ามหนี ห้ามขาดการติดต่อเด็ดขาด
2. คำนวณยอดหนี้ทั้งหมด จัดลำดับยอดหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดมาไว้เป็นยอดหนี้ที่ต้องปิดให้เร็วที่สุดก่อน หากมีหนี้บ้านหนี้รถ ให้เลือกชำระหนี้ส่วนนี้ก่อน เพราะมีความสำคัญมาก เบี้ยวไม่ได้ โดยเฉพาะหนี้ผ่อนรถ เป็นคดีอาญา เบี้ยว 3 เดือนจะถูกฟ้องร้องทันที
3. คำนวณรายได้ของคุณ ว่าแต่ละเดือนได้เงินมาเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายประจำมีเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายประจำก็จำพวก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต โดยค่าใช้จ่ายประจำนี้ คุณอาจจะรวมหนี้บ้านและหนี้รถเข้าไปด้วยก็ได้ เพราะเป็นหนี้ที่เบี้ยวไม่ได้อย่างที่เราบอกไปข้อที่แล้ว
4. หากรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ใกล้เคียงหรือเท่ากับยอดหนี้ขั้นต่ำที่ต้องชำระในแต่ละเดือน สิ่งที่คุณต้องทำคือ หัดทำบัญชีรายรัยรายจ่ายของคุณเอง คุณจะได้รู้ว่าในแต่ละวัน เงินคุณหายไปไหน และรู้ว่าค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นและสามารถตัดออกไปได้บ้าง
5. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น อย่างเช่น ลดแพ็คเกจเคเบิ้ลทีวีที่มีราคาแพง เหลือเพียงแพ็คเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานคุณ หรือหากคุณแทบจะไม่เคยเปิดทีวีดูเลย การยกเลิกบริการถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียว หรืออีกวิธี งดดื่มกาแฟจากร้านดัง ที่มีราคาแสนจะแพง มาดื่มกาแฟฟรีที่ออฟฟิศมีให้บริการอยู่แล้ว ต่อเดือนก็ช่วยคุณประหยัดไปได้เป็นพันบาทเลยนะคะ หรือเลิกทานอาหารนอกบ้าน หันมาทำอาหารทานเองก็ช่วยให้คุณประหยัดไปได้มากขึ้น การทำอาหารหนึ่งครั้ง สามารถทานได้เป็นอาทิตย์ ห่อไปเป็นอาหารมื้อกลางวันทางที่ทำงาน ก็ประหยัดไปได้หลายมื้อเลยทีเดียวนะคะ
6. หากไม่มีหนี้บ้านรถมีแต่หนี้บัตรเครดิต ให้พยายามชำระหนี้บัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดให้มากกว่าขั้นต่ำ เพื่อที่จะได้ปลดหนี้ก้อนนี้ให้เร็วที่สุด เพราะหนี้ก้อนนี้ ยิ่งปล่อยเอาไว้นาน ยิ่งสร้างภาระดอกเบี้ยเพิ่มให้คุณมาก และจะยิ่งทำให้การปลดหนี้ของคุณช้าลงไปอีก ดังนั้น ให้เน้นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดเป็นอันดับ 1
7. หากคุณรู้ว่ากำลังจะมีเงินก้อนเข้ามา ในอนาคตอันใกล้ เช่น กำลังจะได้โบนัสปลายปีในอีกสองสามเดือนข้างหน้า ให้เลือกติดต่อประนอมหนี้กับธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุด เพื่อต่อรองของชำระแต่ดอกเบี้ยไปก่อน ช่วยลดภาระต่อเดือนลงไปได้มากขึ้น และนำเงินส่วนต่างมาโปะบัตรเครดิตใบที่มีอัตราดอกเบี้ยมาที่สุด
โดยการทำแบบนี้ ยอดต้นจะยังคงอยู่ไม่ลดลงไป แต่ถึงแม้ยอดต้นจะไม่ลด คะแนนเครดิตของคุณก็จะยังไม่เสีย รายงานในเครดิตบูโรก็จะยังคงขึ้นคำว่า “ไม่ค้างชำระ” แล้วจึงนำเงินโบนัสที่ได้มาโปะหนี้ โดยวิธีนี้ เราขอแนะนำให้คุณทำในระยะสั้นเท่านั้น และไม่ขอแนะนำให้คุณทำหากคุณไม่มีเงินก้อนเข้ามาในเร็ว ๆ นี้ เพราะหนี้ที่คุณมีจะยังคงอยู่ไม่ลดลงไป เหมือนคุณจ่ายดอกเลี้ยงหนี้ไว้เรื่อย ๆ เท่านั้นเอง
8. ขายอะไรได้ให้ขายไปเลยเพื่อที่คุณจะได้มีเงินก้อนเข้ามาปลดหนี้ได้ โดยของที่จะขายควรขายของใช้ฟุ่มเฟื่อยที่ไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคุณ เช่น เครื่องแต่งกายแบรนด์เนม เครื่องประดับ หรือของที่ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงก็ใช้งานได้ เช่น โทรศัพท์มือถือราคาแพง แล้วซื้อโทรศัพท์ธรรมดามาใช้ไปก่อน ในส่วนของคอมพิวเตอร์ หากมันเป็นเครื่องมือหากินของคุณ หรือคุณสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากมันได้ ให้เก็บเอาไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งตัดสินใจขายมันไป
9. วิธีปลดหนี้ ไม่ใช่การบนบานศาลกล่าว หรือตีอกชกหัวโทษโชคชะตาฟ้าดินอะไรทั้งนั้น (เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะตัวคุณเองล้วน ๆ) แต่การจะทำให้คุณปลดหนี้ได้คือการมีรายได้ ดังนั้น หารายได้พิเศษเสริมถือเป็นทางเลือกที่คุณต้องทำ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คุณจะได้ไม่ต้องไปหยิบยืมเงินจากใครในกรณีที่เงินไม่พอใช้ บางทีงานเสริม อาจจะทำเงินให้คุณได้มาก จนคุณสามารถปลดหนี้ได้เร็วขึ้นก็ได้นะคะ
แล้วถ้าหนี้ล้น จนคุณจ่ายไม่ไหว หรือไม่มีเงินจ่ายล่ะ?
หากคุณเบี้ยวหนี้ ไม่มีเงินจ่าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตกงานกระทันหัน หรือจงใจเบี้ยวหนี้ หนีหนี้จริง ๆ เราขอให้คุณอ่านสิ่งที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้ให้ดีนะคะ เพราะมันคือผลกระทบที่คุณจะต้องเจอแน่นอนหากคุณเบี้ยวหนี้
1. ไม่จ่ายหนี้ เตรียมตัวโดนฟ้องได้เลย แต่เนื่องจากคดีเกี่ยวกับหนี้สิน ถือเป็นคดีแพ่ง โทษจึงไม่ถึงขั้นติดคุก ทำให้คุณสบายใจได้มากขึ้น แต่ไม่ติดคุก ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ต้องจ่ายหนี้นะคะ โดยส่วนใหญ่ หากมีหมายศาลส่งไปที่บ้าน เจ้าหนี้มักจะให้โอกาสลูกหนี้ก่อน โดยการปรานีปรานอมลดอัตราดอกเบี้ยให้ หรือบางครั้ง อาจจะให้ชำระคืนเฉพาะเงินต้นก็มี เรื่องจึงอาจจะจบอยู่แค่การไกล่เกลี่ย ไม่ต้องถึงชั้นศาลค่ะ ดังนั้น หากมีหมายศาลมาถึงบ้าน อย่าเพิ่งตื่นตกใจ ตีโพยตีพาย หรือหนีหายไปเลยนะคะ ไปพบกับเจ้าหนี้ที่ศาลถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
2. หากไกล่เกลี่ยตามข้อที่แล้วไม่ลงตัว จนเรื่องเลยไปถึงชั้นศาล แน่นอน คุณไม่มีทางชนะคดีนี้ได้ ดังนั้น เตรียมตัวรับมือกับการอายัดเงิน และยึดทรัพย์ได้เลยค่ะ เจ้าหนี้ทุกรายรวมกัน สามารถร้องขอต่อศาลเพื่ออายัดเงินเดือนของคุณได้ ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน แต่หากหลังจากหัก 30% ออกไปทำให้คุณมีเงินเดือนเหลือน้อยกว่า 10,000 บาท เจ้าหนี้จำเป็นต้องเหลือเงินให้คุณ 10,000 บาท เอาไว้สำหรับการดำรงชีวิตค่ะ อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการ เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ในการอายัดเงินเดือนตามกฎหมายนะคะ โดยการอายัดเงินนั้น นอกจากเงินเดือนแล้ว ยังสามารถอายัดเงินส่วนอื่น ๆ ได้อีก ด้วยนะคะ
3. ในส่วนของรายงานเครดิตที่เครดิตบูโร จะถูกบันทึกเป็น ค้างชำระ ตั้งแต่งวดแรกที่คุณเบี้ยวและจะขึ้นค้างชำระแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยจะมีกำหนดวันพ่วงเข้ามาด้วย เช่น ค้างชำระ 31 – 60 วัน, ค้างชำระ 61 – 90 วัน และจะเพิ่มจำนวนวันไปเรื่อย ๆ หากไม่มีการชำระเข้ามา โดยเมื่อใดที่คุณชำระหนี้ เงินจำนวนนี้จะไปตัดหนี้ก้อนที่เก่าที่สุดก่อน และรายงานเครดิตจะยังคงขึ้นว่าค้างชำระอยู่ แต่จำนวนวันจะลดลงตามจำนวนก้อนหนี้แต่ละงวดที่คุณชำระเข้าไปค่ะ
การไม่เป็นหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ คำกล่าวนี้ยังถือเป็นเรื่องจริงที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ยิ่งสมัยวัตถุนิยมแบบนี้ คนเป็นหนี้ ไม่มีเงินเก็บ เงินไม่พอใช้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น หากคุณยังไม่มีวินัยในการจัดการบริหารเงิน เราขอแนะนำว่าอย่าสร้างหนี้จะดีที่สุดนะคะ ยิ่งสังคมไทยนั้น ฝังหัวลูกหลานมาตั้งแต่บรรพบุรุษว่า มีบ้านมีรถคือชีวิตมั่นคง ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย การมีหนี้ จะทำให้ชีวิตคุณมั่นคงได้อย่างไร จริงไหมคะ? นอกเสียจากว่า บ้านและรถที่คุณซื้อมา สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณ นั่นแหละค่ะ คือการตีความคำว่ามั่นคงได้อย่างถูกต้อง
บทความดีดีแบบนี้ยังมีอีกมากมาย ทั้งเรื่องบัตรเครดิต หนี้สิน สินเชื่อ การเงิน รถยนต์ และประกันรถยนต์ คุณสามารถกด subscribe เพื่อรับสาระความรู้จาก MoneyGuru.co.th ได้เลย
ที่มา:http://money.sanook.com/434583/
ที่มา:MoneyGuru.co.th

7 เคล็ดลับเปลี่ยนความชอบเป็นอาชีพทำเงิน

อาจจะไม่ทุกคนที่สามารถเปลี่ยนความชื่นชอบในบางอย่างให้กลายเป็นธุรกิจสร้างรายได้ แต่จำนวนไม่น้อยก็สามารถทำความฝันให้เป็นจริง แสดงว่ามันต้องมีหนทาง ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ความชอบอย่างเดียวไม่พอ
จริงอยู่ความหลงใหลในบางสิ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างธุรกิจ แต่ต้องไม่ปล่อยให้ความชอบนั้นบดบังความเป็นจริง ถามตัวเองว่าพร้อมกับการทำงานหนักชนิดทุ่มเทแรงกายแรงใจหรือไม่ ลองนำไอเดียไปปรึกษาคนรอบข้างดูก่อนก็ได้ ที่สำคัญต้องแน่ใจว่าความชอบที่จะแปรเป็นธุรกิจนั้นเป็นงานที่ถนัดและทำได้ดีจริง ๆ

2. สร้างความแตกต่าง
สิ่งที่ชอบและถนัด คนอื่นอาจทำได้เช่นกัน ดังนั้น พยายามหาจุดขายที่คนอื่นไม่มี เช่น คุณชอบเล่นกีตาร์ อาจจะเปิดโรงเรียนสอนหรือเปิดร้านขายกีตาร์ แต่บังเอิญคุณมีทักษะในการซ่อมกีตาร์ ก็ให้เสริมบริการนี้เข้าไป หรือถ้าสนใจร้านอาหาร ร้านกาแฟที่มีดาดดื่น หากจะลงเล่นในธุรกิจนี้ ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ร้านของคุณไม่เหมือนคนอื่น และดึงดูดลูกค้าได้

3. ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าจะพร้อม
หลายคนมีไอเดียอยู่ในหัวแล้ว แต่กว่าจะเริ่มธุรกิจได้ก็มัวแต่รอให้ทุกอย่างพร้อม ก็อาจสายเกินไป กลายเป็นว่าสูญเสียโอกาสเมื่อคนอื่นชิงลงมือทำและบุกตลาดก่อน ในการทำธุรกิจ อาจเริ่มจากสเกลเล็ก ค่อย ๆ เรียนรู้จากความผิดพลาด ลองผิดลองถูก หากเป็นไอเดียที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจริง ยังไงก็อยู่ได้

4. กล้าเดินออกจาก comfort zone
การเริ่มต้นธุรกิจคือการเริ่มต้นความเสี่ยง อะไรที่ไม่เคยทำ ไม่คิดทำ ไม่กล้าทำ หากจะต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจจริง ๆ ก็ต้องทำ เช่น การยืนแจกใบปลิวหรือเชิญชวนให้ผู้คนทดลองสินค้าตัวอย่าง การพูดในที่สาธารณะ บางคนอาจจะไม่ชอบเลย แต่ก็ต้องฝึกถ้าทักษะนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

5. ความสนุกต้องมาก่อน
บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะคงความรักในงานเอาไว้ในขณะที่อีกทางหนึ่งก็พยายามจะผลักดันให้ธุรกิจเติบโต หลายคนอาจท้อไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นคือให้พึงระลึกว่าจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจเกิดจากความรัก จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับแรก และพยายามหาหุ้นส่วนหรือเพื่อนร่วมงานที่มีอุดมการณ์เดียวกันมาร่วม จะทำให้การทำงานงายง่ายขึ้น

6. เอาชนะอุปสรรค
เส้นทางธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีปัจจัยมากมายที่อาจบั่นทอนความฝัน แทนที่จะปล่อยให้อุปสรรคเป็นตัวขัดขวางทำลายความตั้งใจ ควรพยายามหาทางเอาชนะมันให้ได้ เช่น หากไม่ถนัดเรื่องการทำเว็บไซต์หรือการติดตั้งระบบบัญชี อย่ามัวเสียเวลางมอยู่กับมัน จ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำงานให้ดีกว่า เป็นต้น

7. หาแหล่งเงินทุน
อย่าฝากความหวังที่เงินกู้จากธนาคารที่เดียว มีวิธีสร้างสรรค์อีกหลายวิธีในการหาเงินทุน เช่น การนำเสนอไอเดียธุรกิจแล้วหาผู้สนใจช่วยลงทุน ถ้าเป็นเมืองนอก เขาขะเข้าไปในเว็บ อาทิ Kickstarter, Indeegogo และ GoFunMe เป็นต้น นอกจากหาเงินทุนแล้ว เว็บเหล่านี้ยังเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าไอเดียธุรกิจที่คุณร่างขึ้นมานั้น ผ่านหรือไม่ผ่าน
สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ ลองเลือกเทคนิคที่เหมาะสมแล้วนำไปใช้ดู
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

5 อาชีพที่ควรลอง ก่อนก้าวมาทำธุรกิจ



5 อาชีพที่ควรลอง ก่อนก้าวมาทำธุรกิจ sme
การที่อยู่ ๆ คนคนหนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของกิจการ หรือ Startup เลยหลังจากเพิ่งเรียนจบมาใหม่ ๆ นั้น นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเป็นไปได้ อาชีพที่ควรลอง เหล่านี้จะช่วยเค้าในการทำธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจากประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ และลูกเล่นต่าง ๆ ยังไม่ถูกสั่งสมหรือมากพอให้พวกเขารับมือได้เวลาที่เกิดปัญหาขึ้น
ดังนั้นการทำงานประจำก่อนสักงานสองงาน  เพื่อให้คุ้นชินกับระบบการทำงาน  และรู้แนวทางการแก้ปัญหา  จึงเป็นหนทางที่ผู้ทำ Startup ควรทำ และนี่คือ 5 อาชีพที่ควรลอง ก่อนก้าวมาทำธุรกิจ

1.   ค้าขาย

งานค้าขายจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะรอบด้าน เพราะคุณต้องคอยรับมือกับลูกค้าทุกประเภท เช่น  ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หรือพูดไม่รู้เรื่อง ซึ่งหลังจากทำไปได้สักระยะ  จะช่วยให้คุณอ่านผู้คนออกมากขึ้น และมีความอดทนในการรับมือสิ่งต่าง ๆ เช่น  รับมือกับลูกค้าที่ไม่พอใจ รับมือกับคำติติง และสิ่งนี้จะทำให้คุณเป็นคนแก้ปัญหาได้ถูกที่อีกด้วย

2.   ขายอาหารตามสั่ง

การทำอาหารตามสั่งที่ดูเหมือนง่ายนั้น  เป็นอีกหนึ่งงานที่จะช่วยให้คุณมีประสบการณ์และพัฒนาตัวเองได้ดีเกินคาด เพราะต้องคอยทำอาหารหน้าเตาร้อน ๆ พร้อมกับทำตามออร์เดอร์ของลูกค้าให้เสร็จอย่างรวดเร็วไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งภายใต้ภาวะกดดันนี้เอง  ที่จะทำให้คุณมีความสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ดี

3.   พนักงานขาย

การเป็นพนักงานขาย  จะทำให้คุณมีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น เพราะคุณจะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางด้านการติดต่อสื่อสารและการชักชวน  เนื่องจากการต้องพูดคุยกับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา จะได้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และจะจัดการกับความต้องการเหล่านั้นได้อย่างไร ซึ่งส่งผลให้คุณสามารถผลิตสินค้าที่ตรงใจผู้บริโภคได้อย่างดี

4.   งานบริการ

เนื่องจากงานบริการนั้นต้องคอยรับมือกับผู้คนทุกรูปแบบ รองรับอารมณ์ลูกค้า ซึ่งต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ต้องเจอความเลวร้ายทุกรูปแบบ ทั้งความต้องการที่เหนือเกินควบคุมและมุมโกรธของผู้คน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้คุณสามารถรับมือกับลูกค้าได้เมื่อมีธุรกิจเป็นของตนเอง

5.   ผู้จัดการ

คุณจะได้เรียนรู้ถึงการทำงานเป็นระบบ การจัดการเวลา ทักษะการจัดสรรทรัพยากร และอื่น ๆ อีกมากมายในตำแหน่งผู้จัดการ ซึ่งทักษะเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อคุณก่อตั้งบริษัท เพราะสิ่งเหล่านี้คุณไม่สามารถหาได้จากการเรียนในห้องเรียนแน่นอน และจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ

อาชีพที่ควรลอง sme
ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก