อยากเริ่มทำธุรกิจ(Startup) แต่ไม่รู้จะหาเงินลงทุนมาจากไหน?

ไม่ว่าใครก็สามารถมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้ คุณแค่สร้างเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คแฟนเพจขึ้นมาก็กลายเป็นธุรกิจๆนึงไปแล้ว แต่อะไรล่ะ? ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัทของคุณจะอยู่รอดเป็นเวลา 6 เดือน 12 เดือน หรือยาวนานหลายสินปี แน่นอนว่ามันมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการขาย(Sales)อย่างเดียวแน่ ยังมีปัจจัยตัวอื่นๆ เช่น เงินลงทุน พนักงานบริษัท การความคุมดูแล และอีกเยอะแยะมากมาย
ถ้าคุณได้ตัดสินใจที่จะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว แสดงว่าคุณเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ เช่น คุณต้องออกจากงานประจำ คุณจะไม่มีรายได้ในช่วงแรก ฯลฯ
แต่มันก็มีอุปสรรคอย่างหนึ่งที่หยุดคุณไม่ให้คุณเริ่มทำธุรกิจของตัวเองนั้นก็คือ “คุณไม่มีเงินมากพอ”
ดูเหมือนว่าการขาดเงินลงทุนจะเป็นปัญหาใหญ่เลยสำหรับเหล่าผู้ประกอบการ หรือ ว่าที่ผู้ประกอบการ แต่อุปสรรคแค่นี้มันไม่ควรหยุดคุณจากความสำเร็จ เพราะในความจริงแล้ว มันยังมีอีกหลายวิธีในการระดมทุนสร้างธุรกิจในฝัน
แต่มันก็มีอุปสรรคอย่างหนึ่งที่หยุดคุณไม่ให้คุณเริ่มทำธุรกิจของตัวเองนั้นก็คือ “คุณไม่มีเงินมากพอ”
ดูเหมือนว่าการขาดเงินลงทุนจะเป็นปัญหาใหญ่เลยสำหรับเหล่าผู้ประกอบการ หรือ ว่าที่ผู้ประกอบการ แต่อุปสรรคแค่นี้มันไม่ควรหยุดคุณจากความสำเร็จ เพราะในความจริงแล้ว มันยังมีอีกหลายวิธีในการระดมทุนสร้างธุรกิจในฝัน
ทำไมธุรกิจถึงต้องการเงิน?
การเริ่มธุรกิจมันไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมัครหรือค่าธรรมเนียมอะไรทั้งนั้น ธุรกิจที่แตกต่างกันก็จะมีความต้องการที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้นการประมาณค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของธุรกิจก่อนที่คุณจะเริ่มหากองทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- ใบอนุญาต และการขออนุญาต (Licenses and permit) ขึ้นอยู่กับธุรกิจและพื้นที่ตั้งของคุณ คุณอาจจำเป็นต้องขอเอกสารพิเศษ หรือ การจดทะเบียนในการดำเนินการอะไรต่างๆ ที่เสียค่าใช้จ่ายสูง
- ผู้ผลิตและจำหน่าย (Supplier) คุณจำเป็นต้องซื้อวัตถุดิบหรือไม่ คุณต้องการคอมพิวเตอร์และหรืออุปกรณ์อีเล็กโทรนิคอื่นๆหรือไม่
- อุปกรณ์และเครื่องมือ (Equipment) คุณต้องการเครื่องจักรหรือซอฟต์แวร์เฉพาะหรือไม่
- พื้นที่สำนักงาน (Office space) ออฟฟิตเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าเช่าที่ ค่าไฟ ค่าน้ำ และคุณไม่สามารถละเลยค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าอินเตอร์เน็ต และสาธารณูปโภคต่างๆ
- สมาคม สมาชิก (Association, Subscription, Membership) คุณเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของคุณที่ไหน และคุณต้องจ่ายค่าสมาชิกทุกเดือนหรือไม่
- ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย (Legal fee) คุณปรึกษาทนายหรือที่ปรึกษาตลอดจนกระบวนการพัฒนาธุรกิจของคุณหรือไม่
- พนักงานและผู้รับเหมา (Employee and contractor) ถ้าคุณไม่สามารถทำมันได้คนเดียว คุณต้องการผู้ช่วย คุณก็ต้องมีค่าจ้าง
พูดง่ายๆก็คือ เราต้องรู้ก่อนว่าธุรกิจที่เราจะเริ่มจำเป็นต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ เราถึงค่อยไปหาเงินมาตามจำนวนที่เราต้องการได้ ต่อไปคือ 3 ทางเลือกหลักในการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนจำนวนน้อย
ทางเลือกที่ 1 : ลดความต้องการของคุณ (Reduce your need)
ทางเลือกแรกของคุณ คือการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้มีความต้องการน้อยที่สุด รวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังวางแผนที่จะเปิดบริษัทผู้ช่วยฝึกสอนส่วนบุคคล (personal trainers) คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายพนักงานของคุณโดยคุณทำหน้าที่เป็นพนักงานเพียงคนเดียวในช่วงเริ่มต้น ถ้าคุณต้องการพื้นที่สำนักงาน คุณสามารถทำงานที่บ้านได้ ถ้าคุณต้องการลดค่าใช้จ่าย คุณยังสามารถหาผู้ผลิตและจำหน่ายที่มีราคาถูกที่สุด หรือตัดไลน์การผลิตที่มีราคาแพงเกินไปสำหรับการผลิตในช่วงเริ่มต้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่คุณก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย
ทางเลือกที่ 2 : ใช้เงินส่วนตัวและรายได้ในช่วงแรก (Bootstrap)
ทางเลือกที่สองคือ Bootstrapping การหาเงินมาใช้ในบริษัทด้วยเงินส่วนตัวของเราเอง ผสมกับรายได้ในช่วงแรกๆ ของคุณ แทนที่จะมุ่งตรงเข้าสู่ธุรกิจเต็มรูปแบบ เริ่มต้นคุณอาจจะเปิดบล็อกและการบริการเฉพาะกลุ่ม ลดขอบเขต ถ้าคุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเป็นพนักงานเพียงคนเดียวด้วยตัวคุณเองยิ่งช่วยประหยัดได้เข้าไปใหญ่ และเมื่อคุณเริ่มมีรายได้เกิดขึ้น คุณสามารถลงทุนด้วยตัวเอง และสร้างธุรกิจที่คุณจินตนาการเป็นส่วนเป็นส่วนแทนที่จะทำทั้งหมดในครั้งเดียว
ทางเลือกที่ 3 : ขอผู้สนับสนุน (Outsource)
ทางเลือกที่สาม คือการได้ระดมเงินทุนจากแหล่งภายนอก ในปัจจุบันมีผู้ลงทุนให้กับบริษัทเปิดใหม่ครอบคลุมอยู่ทั่วโลก มีหลายสิบวิธีที่มีศักยภาพในการระดมทุน และนี่เป็นเพียงไม่กี่แหล่งเงินทุนที่มีศักยภาพที่ผมได้ยกมาให้
- เพื่อนและครอบครัว (Friend and Family) ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม Startup ส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ล้วนแล้วได้การสนับสนุนมาจากครอบครัวและเพื่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเรื่องเงิน หรือ resources ต่างๆ
- นักลงทุนรายบุคคล (Angel investor) นักลงทุนรายบุคคล เป็นบุคคลที่ร่ำรวยอยู่แล้ว พร้อมจะสนับสนุนไอเดียธุรกิจของผู้ประกอบการไฟแรงในช่วงต้นของการเริ่มธุรกิจ จุดประสงค์หลักของพวกเขาก็คือการจะเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจของเรา หรือเข้ามามีหุ้นส่วนนั้นเอง
- นักลงทุนระดับองค์กร (Venture capitalists) นักลงทุนระดับองค์กรจะคล้ายๆกับนักลงทุนรายบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีการร่วมมือหรือเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและมีมุมมองด้านธุรกิจอยู่แล้ว
- การระดมทุนสาธารณะ (Crowdfunding) ในปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมายที่ช่วยเราระดมทุนในการเริ่มทำธุรกิจขอแค่เพียงคุณมีไอเดียเจ๋งๆ ผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาเห็นจากเว็บไซต์เหล่านี้ก็จะร่วมลงทุนไปกับคุณ Kickstarter, Indigogo, Gofundme
- เงินอุดหนุนจากรัฐบาลและเงินกู้ (Government grant and loan) สถาบันบริหารธุรกิจขนาดเล็ก มีอยู่เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโต ให้ข้อเสนอสินเชื่อและเงินช่วยจำนวนมากที่จะช่วยเริ่มต้นธุรกิจของคุณ
- เงินกู้จากธนาคาร (Bank loan) คุณสามารถเปิดวงเงินสินเชื่อกับธนาคารได้ตลอดเวลา ถ้าคุณมีสถานะทางการเงินที่ดี
ทั้งสามทางเลือกนี้ คุณอาจต้องเสียสละบางอย่าง เช่น การเริ่มต้นแบบเล็กๆ การมีหุ้นส่วน หรือการมีหนี้สิน แต่ถ้าคุณเชื่อในไอเดียธุรกิจของคุณว่ามันเวิคแน่นอนไม่มีทางล้มแน่ คุณควรยืดหยัดต่อสู้ตามความฝันคุณต่อไป เงินทุนถือเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับหลายบริษัท จงเข้าใจมันและก็เอาชนะมันให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น